Wednesday, August 29, 2018

บูเช็กเทียน 8 (ตอนจบ)



บูเช็กเทียนฮ่องเต้...ก็เป็นเหมือนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั่วไป  คือมีคนห้อมล้อมเยอะ...

คนห้อมล้อมก็ต้องมีทั้งดีทั้งเลว...แต่หนึ่งที่นับว่าเลวสุดขั้ว  ชั่วสุดขีด...ต้องยกให้ขุนนางไหล...

ไอ้ขุนนางไหลนี่แม่งชั่วครบเครื่อง...มีทั้งกินสินบาทคาดสินบน  ตัดสินคดีอะไรก็ขึ้นกับฝ่ายไหนวิ่งเต้นได้ถึงใจกว่ากัน...

คนดีๆก็ไปใส่ความเค้า  ถ้าไม่มีเงินมีทองมาทูนหัวทูนเกล้าให้...บางทีก็ทรมานให้คนบริสุทธิ์ยอมรับเขาสารภาพผิด...

ชั่วได้ใจจนถึงกับเขียนตำรา “ว่าด้วยการสร้างหลักฐาน”...สำหรับใส่ความคน...

แต่ด้วยความที่ไว้ใจ  บูเช็กเทียนก็เลยยังให้อำนาจแก่ขุนนางไหลนี้อยู่  โดยไม่รู้เลยว่าเลี้ยงเหี้ยไว้ใกล้ตัว...

จนมีขุนนางคนนึง  ถูกขุนนางไหลใส่ความ  แล้วก็ทรมานตนรับสารภาพในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ...

แต่ขุนนางคนนี้มีไหวพริบ...ขณะถูกขังรอประหาร  ก็หาทางเขียนจดหมายเล็ดรอดอย่างยากลำบาก  จนได้มาเข้าเฝ้าบูเช็กเทียนฮ่องเต้

ความจริงก็เปิดเผย...ฮ่องเต้ให้สืบสวนจนได้ความจริงว่า  ขุนนางไหลแม่งเลวไม่มีที่ชม...ก็ให้ลากไปประหาร...

ระหว่างทางที่ลากไปประหาร...ราษฏรที่เดือดร้อนก็ฮือเข้าสหบาทา  แต่ไม่ได้มีแค่บาทา...จิกทึ้งข่วนควัก  หน้าจมูกปาก ลูกตา  ถูกฝ่ามือฝ่าตีนประชาชน  ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...ถึงมือเพชฌฆาตก็เละเป็นโจ๊กไปแล้ว...

ฉากแบบนี้  นึกถึงตั๋งโต๊ะของสามก๊กเลย...

ขุนนางไหล...ไหลจุ้นเฉิน...ถือเป็นรอยด่างอันนึงในสมัยบูเช็กเทียนฮ่องเต้...

แต่ไม่ใช่ว่าในสมัยบูเช็กเทียน  จะมีแต่ขุนนางด่างๆเท่านนั้น...ขุนนางดีๆก็มี...เช่น  ตี่เหยินเจี๋ย...หรือบางที่ก็เรียกว่า  ตี่เหรินเจี๋ย...น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เค้าเอามาสร้างหนังล่ะมั้ง...

...แหมในหนังบางเวอร์ชั่น  ก็สร้างซะตี่เหยินเจี๋ยหนุ่มฟ้อ  บูเช็ก
เทียนก็สวยเช้งเชียว...ทั้งที่ในประวัติศาสตร์จริง...เหลาๆแล้วทั้งคู่...

เป็นขุนนางมาตั้งแต่สมัยถังเกาจงฮ่องเต้...ช่วยบูเช็กเทียนบริหารบ้านเมืองได้อย่างดี  พระนางเองก็ให้ความเคารพตี่เหยินเจี๋ยเป็นพิเศษ...

เวลาเรียก  นางจะไม่เรียกชื่อตรงๆ  ดังเช่นผู้เหนือกว่ากระทำกับผู้น้อย  แต่จะเรียกอย่างให้เกียรติว่าท่านผู้เฒ่า...และได้สิทธิ์พิเศษ...แข้งขาไม่ค่อยดีแล้ว  งั้นเข้าเฝ้าไม่ต้องคุกเข่าแล้วกัน...

ตี่เหยินเจี๋ยผู้นี้  ก็เป็นอีกคนที่เคยโดนพิษขุนนางไหล...ถูกใส่ความจนกระเด็น...เมื่อขุนนางไหลตายแล้ว  บูเช็กเทียนต้องเชิญตี่เหยินเจี๋ยกลับมารับนายกฯอีกรอบ...

ที่เล่ามานี่เป็นมุมของการปกครองบ้านเมืองและขุนนาง...

ในมุมส่วนตัว...ก็อย่างที่บอก  บูเช็กเทียนฮ่องเต้มองว่าสิทธิสตรีควรจะเท่ากับบุรุษ...

ฮ่องเต้ชายมี “อีหนูๆ”ได้...ทำไมชั้นจะมี “ไอ้หนูๆ” มั่งไม่ได้...

ก็เลยมี “ขันทีติดจรวด” คือไม่ได้ถูกตอนจริง  อยู่ในวังของบูเช็กเทียน...

คนที่สำคัญคนแรกก็คือไหวอี้...เข้ามาเป็นคนโปรดของบูเช็กเทียนก็ตอนนางอายุเจ็ดสิบกว่าๆเข้าไปแล้ว

ไอ้คนนี้ออกแนวเกะกะระรานชาวบ้าน  ทำตัวเป็นนักเลงเรียกค่าคุ้มครอง...ชอบสาวคนไหนก็ฉุดไปข่มขืนแม่งดื้อๆ  โดยถือเป็นคนโปรดของฮ่องเต้...

แต่ในที่สุดเรื่องก็ถึงหูบูเช็กเทียนจนได้...สอบสวนได้ความจริง...ก็หัวหลุดจบไป

ถัดมาเป็นคู่พี่น้องตระกูลจาง...คู่นี้เข้ามาตอนบูเช็กเทียนร่วมๆแปดสิบแล้ว...โห  ป้าแกยังไฟแรงแฮะ...

ไอ้นี่มาแนวกำเริบเสิบสาน...แรกๆก็ปรนนิบัติส่วนพระองค์  ไปๆมาๆชักจะมีสุ้มมีเสียงช่วยว่าราชการด้วย...

จนฮ่องเต้ประชวร  นอนว่าราชการอยู่บนเตียง...คราวนี้จางพี่จางน้องแม่งเสียงดังเลย...

บูเช็กเทียนที่ชราแล้วก็...จางพี่น้องว่ายังไงก็ว่าไปตามนั้น...
ครม.ดูแล้วชักไม่ไหว...บ้านเมืองจะเลอะเทอะไปกันใหญ่...

ก็เลยไปเชิญลูกชายคนที่สาม...หลี่เซี่ยน...ที่เคยเป็นถังจงจงฮ่องเต้ที่ถูกปลดไป  มาออกหน้า...ถึงเวลาทวงบัลลังก์คืนแล้ว

หลี่เซี่ยนนำกำลัง “ขอข้ำพบ” บูเช็กเทียนฮ่องเต้...

เจอจางสองพี่น้อง  ไม่ต้องคุยกันล่ะ...จับตัดหัวตรงนั้นเลย...

ถึงบูเช็กเทียนจะทราบเรื่อง...แต่ด้วยวัยแปดสิบกว่าขวบ  ชราเต็มทีแล้วไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นต่อกรกับใครได้อีก...ก็ได้แต่ยอมและยกบัลลังก์มังกร  คืนให้กับหลี่เซียนในพระนามเดิม...ถังจงจงฮ่องเต้...

ส่วนบูเช็กเทียน...ฉากจบแบบนี้ถือได้ว่าเป็นซอฟท์แลนดิ้งที่สุด  เท่าที่จะเป็นได้แล้ว...เพราะได้รับการแต่งตั้งเป็น  มหาราชินีบูเช็กเทียน...มีตำหนักใหญ่โตให้ใช้บั้นปลายชีวิตได้อย่างสงบ...จนจากโลกนี้ไปในวัยแปดสิบสามปี...

No comments:

Post a Comment