ตลอดเวลาที่นั่งเป็นฮองเฮา...บูฮองเฮามีผลงานที่โลกต้องจารึก...
ฆ่าพี่สาวตนเอง...แต่งตั้งลูกชายสองคนเป็นรัชทายาท
เรียงลำดับกัน...แล้วก็ปลดพร้อมฆ่าเรียบทั้งสองคน...
และเมื่อถังเกาจงฮ่องเต้
เสวยบังลังก์มาได้สามสิบสี่ปี...ก็เกิดเบื่อขึ้นมากะทันหัน...ลาโลกไปในวัยห้าสิบกว่าๆ...
บูฮองเฮาในวัยไล่เลี่ยกัน...มีลูกชายสี่คน โดนฮองเฮาส่งไปศึกษาต่อต่างชาติแล้วสอง...ก็เลยต้องตั้งคนที่สามเป็นฮ่องเต้แทน...
มีพระนามว่า
ถังจงจงฮ่องเต้...ส่วนบูฮองเฮา ก็เลื่อนตำแหน่งเป็นบูไทเฮา...คือแม่ฮ่องเต้
ถังจงจงเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นาน...ถึงเวลาที่ต้องตั้งเสนาบดีสำคัญ ถังจงจงถือว่าตนเองก็โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ก็ดำเนินการแต่งตั้งเอง...
ขุนนางต่างๆที่รู้ทางลม
ก็พยายามทัดทาน...เอ้อ
พระองค์ทำอะไรไม่ปรึกษาหม่ามี๊ก่อน
เดี๋ยวได้เป็นเรื่องหรอกพะย่ะค่ะ...
“เฮ้ย
กูฮ่องเต้เฟ้ย...ปีกกล้าขาแข็ง
กองหลังแน่นปึ้ก
ไทฮงไทเฮากูไม่สน”...ก็ตั้งเสนาบดีตามความเห็นของตนเอง
บูไทเฮาทราบเรื่อง
ถึงกับปรี๊ดแตก...เรียกประชุมเสนาบดีทันที...
อาศัยตำแหน่งไทเฮา
ผู้ทรงอิทธิพลที่แท้จริง...ปลดฮ่องเต้ที่เป็นลูกตัวเองออกจากตำแหน่ง...โห
ป้าแกโคตรพาวเว่อร์ฟูลเลยว่ะ...ปลดฮ่องเต้ได้ด้วย...
ก็เลยเหลือลูกคนเดียว
คนสุดท้อง...ก็ตั้งให้เป็นฮ่องเต้
มีพระนามว่า ถังยุ่ยจงฮ่องเต้...
ชื่อก็บอกแล้ว
ว่าไม่ได้แข็งแกร่งอะไร...ออกแนวยวบๆ ยุ่ยๆ คล้ายทิชชู่เปียกน้ำ...
บูไทเฮาก็ผงาดขึ้นเต็มตัวในเรื่องการปกครองบ้านเมือง...ส่วนทิชชู่เปียกน้ำ...ก็สำราญกับสาวๆไป งานการไม่ต้องทำอะไร...
อย่างที่บอกไปแล้ว...ในแง่ของการปกครองบ้านเมือง บูไทเฮาก็ถือว่ามีวิสัยทัศน์ยาวไกล ใจกว้าง
และทำได้ดีทีเดียว...อาณาประชาราษฏร์ก็ค่อนข้างจะอยู่เย็นเป็นสุข...
นอกจากเปลี่ยนแปลงระบบหลายอย่าง
ที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นแล้ว...ยังมีตัวอย่างนึงที่แสดงถึงความใจกว้างของบูไทเฮา
...
มีกบฏเกิดขึ้น...พอรวบรวมผู้คนได้หลายหมื่น
ก็มีการเขียนจดหมายปลุกระดมแชร์ต่อไปอย่างกว้างขวาง...
จดหมายปลุกระดมมาถึงมือของบูไทเฮา...เนื้อหาด่าว่านางซะไม่มีชิ้นดี...เป็นสนมชั้นต่ำมาก่อนบ้างล่ะ
เป็นผู้หญิงเผยอหน้าจะมาบริหารบ้านเมืองบ้างล่ะ...
อ่านจบ
นางถามหาทันที...”ใครเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้”...
ทหารก็ขยับตัวกันพรึ่บพรั่บ
เตรียมจะไปหาไปจับตัวไอ้ต้นตอจดหมายปากจัดฉบับนี้มาเชือด...
“แม่งเขียนจดหมายโคตรเก่ง
เรียบเรียงดี
ยกเหตุยกผลมาหนักแน่น
ภาษาที่ใช้จูงใจคนอ่านได้ดี...ถ้าเจอตัว
ให้เอามาทำงานกับเรา”...
...อืม...ช็อตนี้ทำเอาไปไม่เป็นกันหมด แต่ก็นับว่าป้าแกใจกว้างเกินผู้หญิงในสมัยนั้นจริงๆ...
บูไทเฮากุมอำนาจที่แท้จริงมาหลายสิบปี นับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อน...อันนี้ถ้าคิดอย่างเป็นธรรม ก็ต้องยอมว่า
ฝีมือในการบริหารบ้านเมืองป้าแกยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ...ถึงจะมีกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขอยู่แล้ว เค้าก็ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย...กบฏกี่ครั้งๆก็ไม่ได้รับการสนับสนุนนัก
จนมีกลุ่มขุนนางฝ่ายเชลียร์
เข้าชื่อกันเรียกร้องว่า...ขอให้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์ถัง เป็นราชวงศ์โจวซึ่งจะเป็นราชวงศ์ของแซ่บู...
แรกๆ
บูฮองเฮาก็กล้าๆกลัวๆอยู่
เพราะในอดีตไม่เคยมีหญิงคนใดตั้งตนเป็นฮ่องเต้มาก่อน...ไม่รู้แรงต้านจะมากน้อยแค่ไหน...
มาตัดสินใจได้ก็เพราะถังยุ่ยจงฮ่องเต้ แสดงความยุ่ยสมชื่อ...เอาด้วย...ลงชื่อกับเค้าด้วย...ขอให้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์จากถัง เป็นราชวงศ์โจว...
...แถมยังขอให้บูไทเฮา
ประทานแซ่ให้แก่ตน เปลี่ยนจากแซ่หลี่เป็นแซ่บูด้วย...
บูไทเฮาก็เลยตัดสินใจ...สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรกของจีน...แห่งราชวงศ์โจว
และเพราะว่า...พิธีสถาปนาฮ่องเต้
ทำขึ้นที่ประตูเมืองเช็กเทียน...
นางจึงได้พระนามว่า...บูเช็กเทียน...ขณะนั้นนางอายุ 63-64...
พรุ่งนี้มาดูตอนจบของบูเช็กเทียนกันครับ...
No comments:
Post a Comment