Wednesday, August 29, 2018

บูเช็กเทียน 8 (ตอนจบ)



บูเช็กเทียนฮ่องเต้...ก็เป็นเหมือนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั่วไป  คือมีคนห้อมล้อมเยอะ...

คนห้อมล้อมก็ต้องมีทั้งดีทั้งเลว...แต่หนึ่งที่นับว่าเลวสุดขั้ว  ชั่วสุดขีด...ต้องยกให้ขุนนางไหล...

ไอ้ขุนนางไหลนี่แม่งชั่วครบเครื่อง...มีทั้งกินสินบาทคาดสินบน  ตัดสินคดีอะไรก็ขึ้นกับฝ่ายไหนวิ่งเต้นได้ถึงใจกว่ากัน...

คนดีๆก็ไปใส่ความเค้า  ถ้าไม่มีเงินมีทองมาทูนหัวทูนเกล้าให้...บางทีก็ทรมานให้คนบริสุทธิ์ยอมรับเขาสารภาพผิด...

ชั่วได้ใจจนถึงกับเขียนตำรา “ว่าด้วยการสร้างหลักฐาน”...สำหรับใส่ความคน...

แต่ด้วยความที่ไว้ใจ  บูเช็กเทียนก็เลยยังให้อำนาจแก่ขุนนางไหลนี้อยู่  โดยไม่รู้เลยว่าเลี้ยงเหี้ยไว้ใกล้ตัว...

จนมีขุนนางคนนึง  ถูกขุนนางไหลใส่ความ  แล้วก็ทรมานตนรับสารภาพในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ...

แต่ขุนนางคนนี้มีไหวพริบ...ขณะถูกขังรอประหาร  ก็หาทางเขียนจดหมายเล็ดรอดอย่างยากลำบาก  จนได้มาเข้าเฝ้าบูเช็กเทียนฮ่องเต้

ความจริงก็เปิดเผย...ฮ่องเต้ให้สืบสวนจนได้ความจริงว่า  ขุนนางไหลแม่งเลวไม่มีที่ชม...ก็ให้ลากไปประหาร...

ระหว่างทางที่ลากไปประหาร...ราษฏรที่เดือดร้อนก็ฮือเข้าสหบาทา  แต่ไม่ได้มีแค่บาทา...จิกทึ้งข่วนควัก  หน้าจมูกปาก ลูกตา  ถูกฝ่ามือฝ่าตีนประชาชน  ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...ถึงมือเพชฌฆาตก็เละเป็นโจ๊กไปแล้ว...

ฉากแบบนี้  นึกถึงตั๋งโต๊ะของสามก๊กเลย...

ขุนนางไหล...ไหลจุ้นเฉิน...ถือเป็นรอยด่างอันนึงในสมัยบูเช็กเทียนฮ่องเต้...

แต่ไม่ใช่ว่าในสมัยบูเช็กเทียน  จะมีแต่ขุนนางด่างๆเท่านนั้น...ขุนนางดีๆก็มี...เช่น  ตี่เหยินเจี๋ย...หรือบางที่ก็เรียกว่า  ตี่เหรินเจี๋ย...น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เค้าเอามาสร้างหนังล่ะมั้ง...

...แหมในหนังบางเวอร์ชั่น  ก็สร้างซะตี่เหยินเจี๋ยหนุ่มฟ้อ  บูเช็ก
เทียนก็สวยเช้งเชียว...ทั้งที่ในประวัติศาสตร์จริง...เหลาๆแล้วทั้งคู่...

เป็นขุนนางมาตั้งแต่สมัยถังเกาจงฮ่องเต้...ช่วยบูเช็กเทียนบริหารบ้านเมืองได้อย่างดี  พระนางเองก็ให้ความเคารพตี่เหยินเจี๋ยเป็นพิเศษ...

เวลาเรียก  นางจะไม่เรียกชื่อตรงๆ  ดังเช่นผู้เหนือกว่ากระทำกับผู้น้อย  แต่จะเรียกอย่างให้เกียรติว่าท่านผู้เฒ่า...และได้สิทธิ์พิเศษ...แข้งขาไม่ค่อยดีแล้ว  งั้นเข้าเฝ้าไม่ต้องคุกเข่าแล้วกัน...

ตี่เหยินเจี๋ยผู้นี้  ก็เป็นอีกคนที่เคยโดนพิษขุนนางไหล...ถูกใส่ความจนกระเด็น...เมื่อขุนนางไหลตายแล้ว  บูเช็กเทียนต้องเชิญตี่เหยินเจี๋ยกลับมารับนายกฯอีกรอบ...

ที่เล่ามานี่เป็นมุมของการปกครองบ้านเมืองและขุนนาง...

ในมุมส่วนตัว...ก็อย่างที่บอก  บูเช็กเทียนฮ่องเต้มองว่าสิทธิสตรีควรจะเท่ากับบุรุษ...

ฮ่องเต้ชายมี “อีหนูๆ”ได้...ทำไมชั้นจะมี “ไอ้หนูๆ” มั่งไม่ได้...

ก็เลยมี “ขันทีติดจรวด” คือไม่ได้ถูกตอนจริง  อยู่ในวังของบูเช็กเทียน...

คนที่สำคัญคนแรกก็คือไหวอี้...เข้ามาเป็นคนโปรดของบูเช็กเทียนก็ตอนนางอายุเจ็ดสิบกว่าๆเข้าไปแล้ว

ไอ้คนนี้ออกแนวเกะกะระรานชาวบ้าน  ทำตัวเป็นนักเลงเรียกค่าคุ้มครอง...ชอบสาวคนไหนก็ฉุดไปข่มขืนแม่งดื้อๆ  โดยถือเป็นคนโปรดของฮ่องเต้...

แต่ในที่สุดเรื่องก็ถึงหูบูเช็กเทียนจนได้...สอบสวนได้ความจริง...ก็หัวหลุดจบไป

ถัดมาเป็นคู่พี่น้องตระกูลจาง...คู่นี้เข้ามาตอนบูเช็กเทียนร่วมๆแปดสิบแล้ว...โห  ป้าแกยังไฟแรงแฮะ...

ไอ้นี่มาแนวกำเริบเสิบสาน...แรกๆก็ปรนนิบัติส่วนพระองค์  ไปๆมาๆชักจะมีสุ้มมีเสียงช่วยว่าราชการด้วย...

จนฮ่องเต้ประชวร  นอนว่าราชการอยู่บนเตียง...คราวนี้จางพี่จางน้องแม่งเสียงดังเลย...

บูเช็กเทียนที่ชราแล้วก็...จางพี่น้องว่ายังไงก็ว่าไปตามนั้น...
ครม.ดูแล้วชักไม่ไหว...บ้านเมืองจะเลอะเทอะไปกันใหญ่...

ก็เลยไปเชิญลูกชายคนที่สาม...หลี่เซี่ยน...ที่เคยเป็นถังจงจงฮ่องเต้ที่ถูกปลดไป  มาออกหน้า...ถึงเวลาทวงบัลลังก์คืนแล้ว

หลี่เซี่ยนนำกำลัง “ขอข้ำพบ” บูเช็กเทียนฮ่องเต้...

เจอจางสองพี่น้อง  ไม่ต้องคุยกันล่ะ...จับตัดหัวตรงนั้นเลย...

ถึงบูเช็กเทียนจะทราบเรื่อง...แต่ด้วยวัยแปดสิบกว่าขวบ  ชราเต็มทีแล้วไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นต่อกรกับใครได้อีก...ก็ได้แต่ยอมและยกบัลลังก์มังกร  คืนให้กับหลี่เซียนในพระนามเดิม...ถังจงจงฮ่องเต้...

ส่วนบูเช็กเทียน...ฉากจบแบบนี้ถือได้ว่าเป็นซอฟท์แลนดิ้งที่สุด  เท่าที่จะเป็นได้แล้ว...เพราะได้รับการแต่งตั้งเป็น  มหาราชินีบูเช็กเทียน...มีตำหนักใหญ่โตให้ใช้บั้นปลายชีวิตได้อย่างสงบ...จนจากโลกนี้ไปในวัยแปดสิบสามปี...

Tuesday, August 28, 2018

บูเช็กเทียน 7


ตลอดเวลาที่นั่งเป็นฮองเฮา...บูฮองเฮามีผลงานที่โลกต้องจารึก...

ฆ่าพี่สาวตนเอง...แต่งตั้งลูกชายสองคนเป็นรัชทายาท  เรียงลำดับกัน...แล้วก็ปลดพร้อมฆ่าเรียบทั้งสองคน...

และเมื่อถังเกาจงฮ่องเต้  เสวยบังลังก์มาได้สามสิบสี่ปี...ก็เกิดเบื่อขึ้นมากะทันหัน...ลาโลกไปในวัยห้าสิบกว่าๆ...

บูฮองเฮาในวัยไล่เลี่ยกัน...มีลูกชายสี่คน  โดนฮองเฮาส่งไปศึกษาต่อต่างชาติแล้วสอง...ก็เลยต้องตั้งคนที่สามเป็นฮ่องเต้แทน...

มีพระนามว่า  ถังจงจงฮ่องเต้...ส่วนบูฮองเฮา ก็เลื่อนตำแหน่งเป็นบูไทเฮา...คือแม่ฮ่องเต้

ถังจงจงเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นาน...ถึงเวลาที่ต้องตั้งเสนาบดีสำคัญ  ถังจงจงถือว่าตนเองก็โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว  ก็ดำเนินการแต่งตั้งเอง...

ขุนนางต่างๆที่รู้ทางลม  ก็พยายามทัดทาน...เอ้อ  พระองค์ทำอะไรไม่ปรึกษาหม่ามี๊ก่อน  เดี๋ยวได้เป็นเรื่องหรอกพะย่ะค่ะ...

“เฮ้ย  กูฮ่องเต้เฟ้ย...ปีกกล้าขาแข็ง  กองหลังแน่นปึ้ก  ไทฮงไทเฮากูไม่สน”...ก็ตั้งเสนาบดีตามความเห็นของตนเอง

บูไทเฮาทราบเรื่อง  ถึงกับปรี๊ดแตก...เรียกประชุมเสนาบดีทันที...

อาศัยตำแหน่งไทเฮา  ผู้ทรงอิทธิพลที่แท้จริง...ปลดฮ่องเต้ที่เป็นลูกตัวเองออกจากตำแหน่ง...โห  ป้าแกโคตรพาวเว่อร์ฟูลเลยว่ะ...ปลดฮ่องเต้ได้ด้วย...

ก็เลยเหลือลูกคนเดียว  คนสุดท้อง...ก็ตั้งให้เป็นฮ่องเต้  มีพระนามว่า  ถังยุ่ยจงฮ่องเต้...

ชื่อก็บอกแล้ว  ว่าไม่ได้แข็งแกร่งอะไร...ออกแนวยวบๆ ยุ่ยๆ คล้ายทิชชู่เปียกน้ำ...

บูไทเฮาก็ผงาดขึ้นเต็มตัวในเรื่องการปกครองบ้านเมือง...ส่วนทิชชู่เปียกน้ำ...ก็สำราญกับสาวๆไป  งานการไม่ต้องทำอะไร...

อย่างที่บอกไปแล้ว...ในแง่ของการปกครองบ้านเมือง  บูไทเฮาก็ถือว่ามีวิสัยทัศน์ยาวไกล  ใจกว้าง  และทำได้ดีทีเดียว...อาณาประชาราษฏร์ก็ค่อนข้างจะอยู่เย็นเป็นสุข...

นอกจากเปลี่ยนแปลงระบบหลายอย่าง  ที่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นแล้ว...ยังมีตัวอย่างนึงที่แสดงถึงความใจกว้างของบูไทเฮา

...

มีกบฏเกิดขึ้น...พอรวบรวมผู้คนได้หลายหมื่น  ก็มีการเขียนจดหมายปลุกระดมแชร์ต่อไปอย่างกว้างขวาง...

จดหมายปลุกระดมมาถึงมือของบูไทเฮา...เนื้อหาด่าว่านางซะไม่มีชิ้นดี...เป็นสนมชั้นต่ำมาก่อนบ้างล่ะ  เป็นผู้หญิงเผยอหน้าจะมาบริหารบ้านเมืองบ้างล่ะ...

อ่านจบ  นางถามหาทันที...”ใครเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนี้”...

ทหารก็ขยับตัวกันพรึ่บพรั่บ  เตรียมจะไปหาไปจับตัวไอ้ต้นตอจดหมายปากจัดฉบับนี้มาเชือด...

“แม่งเขียนจดหมายโคตรเก่ง  เรียบเรียงดี  ยกเหตุยกผลมาหนักแน่น  ภาษาที่ใช้จูงใจคนอ่านได้ดี...ถ้าเจอตัว  ให้เอามาทำงานกับเรา”...

...อืม...ช็อตนี้ทำเอาไปไม่เป็นกันหมด  แต่ก็นับว่าป้าแกใจกว้างเกินผู้หญิงในสมัยนั้นจริงๆ...

บูไทเฮากุมอำนาจที่แท้จริงมาหลายสิบปี  นับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อน...อันนี้ถ้าคิดอย่างเป็นธรรม  ก็ต้องยอมว่า  ฝีมือในการบริหารบ้านเมืองป้าแกยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ...ถึงจะมีกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง  แต่ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขอยู่แล้ว  เค้าก็ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย...กบฏกี่ครั้งๆก็ไม่ได้รับการสนับสนุนนัก

จนมีกลุ่มขุนนางฝ่ายเชลียร์  เข้าชื่อกันเรียกร้องว่า...ขอให้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์ถัง  เป็นราชวงศ์โจวซึ่งจะเป็นราชวงศ์ของแซ่บู...

แรกๆ  บูฮองเฮาก็กล้าๆกลัวๆอยู่  เพราะในอดีตไม่เคยมีหญิงคนใดตั้งตนเป็นฮ่องเต้มาก่อน...ไม่รู้แรงต้านจะมากน้อยแค่ไหน...

มาตัดสินใจได้ก็เพราะถังยุ่ยจงฮ่องเต้  แสดงความยุ่ยสมชื่อ...เอาด้วย...ลงชื่อกับเค้าด้วย...ขอให้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์จากถัง  เป็นราชวงศ์โจว...

...แถมยังขอให้บูไทเฮา  ประทานแซ่ให้แก่ตน  เปลี่ยนจากแซ่หลี่เป็นแซ่บูด้วย...

บูไทเฮาก็เลยตัดสินใจ...สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรกของจีน...แห่งราชวงศ์โจว

และเพราะว่า...พิธีสถาปนาฮ่องเต้  ทำขึ้นที่ประตูเมืองเช็กเทียน...

นางจึงได้พระนามว่า...บูเช็กเทียน...ขณะนั้นนางอายุ 63-64...

พรุ่งนี้มาดูตอนจบของบูเช็กเทียนกันครับ...

Monday, August 27, 2018

บูเช็กเทียน 6


เหมือนมวย...พอคู่ต่อสู้เมาหมัด  ต้องซ้ำให้อยู่ให้ได้...

บูเม่ยเหนียงก็กระทืบซ้ำโดยใช้แผนต่างๆนานา...

บางช่วงฮ่องเต้ประชวร...ก็เพราะล่อแต่สาวๆไม่มีหยุดพักมั่งเลย...บูเม่ยเหนียงก็ทำเป็นป่วยมั่ง...

แค่ป่วยไม่พอ...ยังต้องแกล้งเพ้อคลั่ง...”ฮองเฮา  ฆ่าลูกข้าทำไม  เอาลูกสาวข้าคืนมา”...ยิ่งมีใครมาอยู่ใกล้ๆ  อีนี่ยิ่งเล่นใหญ่...ก็เพื่อตอกย้ำให้ฮ่องเต้ฝังใจเรื่องฮองเฮาฆ่าลูกสาว  ให้หนักแน่นเข้าไปอีก...

แล้วก็อุบายให้คนมาฟ้อง...ว่าเจอตุ๊กตาขี้ผึ้ง  อยู่ใต้เตียงของฮองเฮา  มีสองตัวเขียนชื่อฮ่องเต้กับบูเม่ยเหนียงชัดเจน...

ตุ๊กตาทั้งสองตัวมีเข็มปักอยู่ทั่วตัว...นี่มันเป็นการทำคุณไสยชัดๆ...

แน่นอน  ฮ่องเต้องค์นี้ได้ฉายาว่า  หูนุ่นอยู่แล้ว...ใครใส่อะไรมาก็พร้อมเชื่อ...หวางฮองเฮานอนจิตหงุดหงิมอยู่เฉยๆ  ก็ยังโดนฮ่องเต้เรียกไปโขลกอีกรอบ...แล้วก็เหมือนเดิม...จะแก้ตัวยังไงฮ่องเต้ก็ไม่รับฟัง

บูเม่ยเหนียงเดินแผนสารพัด  เรียกว่าถ้าเป็นครกก็โขลกกันครัวสะเทือน...จะเอาให้หวางฮองเฮาหลุดจากตำแหน่งให้ได้...

ทางนึงเดินเกมเรียกคะแนนจากฮ่องเต้  อีกทางก็ต้องเดินสายล๊อบบี้บรรดาขุนนาง  ที่เป็นขุมกำลังสำคัญขนาดฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ...ให้มาเป็นพวกตนให้ได้...

ก็ค่อยๆลิดรอนอำนาจขุนนางเก่า  ที่สนับสนุนหวางฮองเฮา...โดยเฉพาะเสนาเปิ้ลกับเสนาหอย...ถือเป็นสิวหัวดำที่ดื้อด้าน  ต้องบีบต้องเค้นกันเหนื่อย  กว่าที่จะหลุดวงโคจรไปได้...

พอวัดพาวเว่อร์กันว่าได้ที่แล้ว  ถังเกาจงฮ่องเต้  ก็ถอดหวางฮองเฮาออกเป็นสามัญชน...ญาติโกต่างๆของนาง  ก็ถูกหางเลขไปทำไร่ไถนาหมดทั้งโคตร...

แล้วก็แต่งตั้งบูเม่ยเหนียง  เป็นบูฮองเฮา...

แน่นอน...แม่ได้ขึ้นลูกก็ได้ขึ้นด้วย...หลี่จงรัชทายาทเดิม  ถูกถอด...หลี่หง  ลูกชายบูฮองเฮา...ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแทน...

ตอนนี้เรียกได้ว่า  บูเม่ยเหนียงได้นั่งบนบัลลังก์มังกรอยู่ครึ่งตูดแล้ว...

ถังเกาจงเอง...พื้นฐานก็ไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอะไรนัก  ทั้งร่างกายและจิตใจ...ก็สามวันดีสี่วันไข้ตลอด...

บูฮองเฮาก็ต้องคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับราชการบ้านเมือง...บ่อยเข้าๆ  ถังเกาจงก็แทบจะทำคัทเอ้าท์รูปตัวเองมาตั้งแทน  แล้วให้บูฮองเฮาโซโล่ไปซะแล้ว...

จะว่าไป  บูฮองเฮาหรือบูเช็กเทียนนี่  ก็นับได้ว่ามีความสามารถไม่น้อย  และเป็นเฟนินิสต์คนแรกๆของโลกเลยก็ว่าได้...คือเรียกร้องความเท่าเทียมของผู้หญิง  ที่ถูกกดขี่มาตลอด...ตรงนี้ก็ได้ใจผู้หญิงไปเต็มๆ

นางค่อนข้างจะแอนตี้ลัทธิขงจื๊อ  ที่ให้ความสำคัญของผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายอย่างแบบไม่ติดฝุ่น...

นอกจากนี้นางยังเปลี่ยนแปลงระบบการรับราชการเสียใหม่...จากระบบที่ต้องสืบทอดเทือกเถาเหล่ากอ  พ่อเป็นขุนนาง  ลูกก็ได้เป็นขุนนาง...ให้มาเป็นระบบคัดเลือกอย่างยุติธรรม...คนเก่งๆที่ไม่ได้มีโคตรเหง้าเป็นขุนนาง  ก็ได้มีโอกาสเติบโตในวงราชการขึ้น...

รวมๆก็นับว่า  บูฮองเฮาเป็นสตรีหัวก้าวหน้า  ที่มีวิสัยทัศน์ในเชิงการปกครองไม่น้อยเหมือนกัน...เผลอๆจะทำได้ดีกว่าถังเกาจงฮ่องเต้เองซะอีก...

แต่ไอ้เรื่องความโหดของนาง  นับว่าคงความโหดได้เสมอต้นเสมอปลาย...แต่เนื่องจากคู่แข่งต่างๆ  ตายโหงกันหมดแล้ว...ความโหดของบูฮองเฮา  ก็มาลงกับญาติพี่น้องตนเอง...ลองมาดูตัวอย่าง

พี่สาวแท้ๆของนาง...เป็นม่ายผัวตายมีลูกสาวติด  บูฮองเฮาเองน่ะแหละนำมาถวายฮ่องเต้...ฮ่องเต้ก็ซัดซะทั้งแม่ทั้งลูก  แถมยังติดใจที่พี่สาวสวยเหมือนบูฮองเฮา  แต่มีความแช่มช้อยกว่า...ก็ทำท่าจะโงหัวไม่ขึ้น...เรตติ้งดีกว่าที่บูฮองเฮาคาดไว้มาก

ไม่นาน  พี่สาวก็โดนวางยาพิษตาย  โดยที่จับมือใครดมไม่ได้...ถังเกาจงเองถึงจะรู้อยู่แก่ใจ  ก็ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่ส่งตัวลูกสาวที่เหลือ  ไปอยู่เมืองไกลๆ  แต่งงานแต่งการหนีตายไปซะ...

ลูกชายคนโตของบูฮองเฮา...หลี่หง  มีตำแหน่งเป็นรัชทายาท...เกิดสงสารลูกสาวสองคนของสนมเฟย  ซึ่งก็ถือเป็นพี่สาวร่วมบิดา...สองคนนั้นถูกขังตามน้ำไปกับสนมเฟยด้วย...หลี่หงก็ไปขอร้องให้ถังเกาจงปล่อยพี่สาวทั้งสอง  ให้ออกมามีครอบครัว...

บูฮองเฮาไม่พอใจมาก  เพราะถือว่าลูกชายข้ามหน้าข้ามตา...ถัดมาอีกไม่นาน  หลี่หงก็ปวดท้องร้องโอดโอย  ทรมานอยู่สองสามวัน...ก็ขาดใจตาย...โอ๊ย  โหดกว่านี้มีอีกมั้ยยยย...

ลูกชายคนรอง  หลี่เสียนได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแทน...

หลี่เสียนนี่นี่เป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน...ซึ่งบูฮองเฮาน่ะรังเกียจอยู่แล้ว  ยิ่งโหรประจำตัวของนางทำนายโหงวเฮ้งของหลี่เสียนไปในทางไม่ดี...บูฮองเฮาก็ยิ่งไม่โปรดลูกชายคนนี้...

หลี่เสียนเอง  พอรู้ว่าโหรประจำตัวแม่ทำนายตนเองในทางเสียๆหายๆ  ก็โคตรแค้นไอ้โหรหาเรื่องนี้เหลือเกิน...คราวนี้สองแม่ลูกก็ยิ่งเข้าหน้ากันไม่ติด

โหรเองคงลืมทำนายดวงตัวเอง...อยู่มาไม่นาน  ก็มีคนพบศพโหร  ถูกรุมแทงตาย...แน่นอน  บูฮองเฮาโกรธไฟลุก...ตั้งทีมสืบสวนหาคนร้าย  โดยส่งซิกว่าให้ไปหาแถวๆตำหนักรัชทายาทหลี่เสียน...

ส่งซิกมาซะขนาดนี้...แน่นอนคนร้ายที่ถูกจับได้  ย่อมจะเป็นหลี่เสียน...ก็ถูกถอดออกจากตำแหน่ง  เนรเทศไปถิ่นกันดาร...ส่วนแก๊งเกย์ทั้งหลาย  ก็โดนประหารหมด...

หลี่เสียนเองถูกเนรเทศไปไม่นาน...ก็มีคนไปตามฆ่าอีก...คงไม่ต้องบอกว่าใครส่งไป...

Sunday, August 26, 2018

บูเช็กเทียน 5



ตั้งแต่บูเม่ยเหนียงกลับเข้ามาอยู่ในวัง  นางก็เริ่มแผ่อิทธิพลกับคนรอบข้าง...แต่คงจะด้วยกำพืดของนาง  เป็นชาวบ้านเดินดินกินข้าวต้มมาก่อน...วิธีแผ่พังพานของนางจึงเป็นไปอย่างฉลาด  มีส่วนผสมทั้งพระเดชและพระคุณด้วย...

ไม่เหมือนกันหวางฮองเฮา...นั่นเค้าผู้ดีเก่า  คือถึงจะเป็นแค่เชื้อสายปลายๆแถวราชวงศ์สุยเดิมก็เถอะ...แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเจ้ายศเจ้าอย่าง  ใช้แต่พระเดชกับคนรอบข้างไปซะหมด...

แน่นอน...คนรอบข้างย่อมจะรู้สึกรักใคร่สนมบู  มากกว่าหวางฮองเฮา...ก็เลยเริ่มมีคนเข้านอกออกใน  เสริมบารมีนางให้มากขึ้น...

และก็ด้วยความที่ฮ่องเต้ยิงกระสุนถี่เหลือเกิน  ก็เข้าเป้าจนได้...

บูเม่ยเหนียงก็ให้กำเนิดบุตรชาย...ชื่อ  หลี่หง...นางก็ยิ่งเป็นที่โปรดปรานของถังเกาจงฮ่องเต้  เป็นร้อยเท่าพันทวี...

ย้ำอีกทีกันสับสน...ลูกบูเม่ยเหนียงคือ  หลี่หง...ลูกเลี้ยงหวางฮองเฮาคือ  หลี่จง...ชื่อแม่งก็วนๆกันอยู่แถวเนี้ย...

พอได้ลูกชาย...บูเม่ยเหนียงก็เริ่มมั่นใจในแวลู่ของตัวเอง  ก็ชักจะคอแข็งกับหวางฮองเฮา...ไอ้ที่เคยพูดจาประจ๋อประแจ๋  ก็ชักจะห้วนๆไม่มีหางเสียงขึ้น  ไอ้ที่พินอบพิเทา  ก็ทำอย่างเสียไม่ได้...

พอนานๆเข้า  กลายเป็นว่าสองฝ่าย  ตั้งป้อมประจันหน้ากันอย่างไม่ต้องปิดบังกันอีกแล้ว...

เรื่องแบบนี้  อย่าไปมองภาพว่าเป็นแค่ผู้หญิงสองคนตั้งท่าจะตบกันแค่นั้น

...แต่ระดับสนมคนโปรด  ไฝว้กับฮองเฮา...มันหมายถึงขุมกำลังอันใหญ่โตที่แบ๊คอัพทั้งสองฝ่ายอยู่...

หวางฮองเฮา...เป็นพวกผู้ดีเก่า  ก็ได้พวกเชื้อสายผู้ดี  ขุนนางสายคอนเซอร์เวทีฟหนุนหลังอยู่เป็นโขลง

บูเม่ยเหนียง...ก็ได้พวกขุนนางรุ่นใหม่  หัวก้าวหน้ากลุ่มเบ้อเริ่มคอยถือหาง...

ก็เลยค้ำยันกันด้วยขุมกำลังแบบนี้...

และแล้วจังหวะปิดสกอร์ก็มาถึง...แบบว่า  ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถึงกับตั้งตัวไม่ติด  ไม่คิดว่าฝ่ายรุกแม่งจะเล่นแรงขนาดนี้...

บูเม่ยเหนียงให้กำเนิดบุตรสาว...ลูกคนที่สองให้แก่ถังเกาจง...

บังเอิญหนูน้อยคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเหลือเกิน...จนแม้แต่หวางฮองเฮา  ที่เป็นคู่กัดกับบู่เม่ยเหนียง...ยังอดไม่ได้ที่จะแวะไปตำหนักบูเม่ยเหนียง  เพื่อไปหยอกล้อกับหนูน้อยคนนี้บ่อยๆ...

โดยที่ไม่รู้ตัวเลย  และก็คงนึกไม่ถึงว่าการกระทำเช่นนี้  จะเปิดช่องให้บูเม่ยเหนียงย้อนกลับมาเล่นงานตนได้อย่างสุดแสบ...

วันหนึ่ง  บูเม่ยเหนียงเห็นหวางฮองเฮามาหยอกล้อกับลูกสาวตัวน้อยของตนอย่างเคย...ด้วยกลมสันดานที่เหี้ยมโหด  เด็ดขาด...นางก็ฉวยโอกาสนั้นดำเนินแผนชั่วร้ายเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้...

นางปลีกตัวไป  ปล่อยให้หวางฮองเฮาเล่นกับหนูน้อยตามลำพัง...

พอหวางฮองเฮากลับไป...บูเม่ยเหนียงก็ย้อนกลับมาที่ห้องลูกสาว  โดยไม่ให้ใครเห็น...

...มองซ้ายมองขวา  ปลอดคนสนิท...”ลูกเอ๋ย  เจ้าคงทำบุญมาแค่นี้...ขอให้เจ้าเป็นบันไดให้แม่ได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเถิด”...

แล้วบูเม่ยเหนียงก็เอาผ้าอุดปากอุดจมูกลูกสาวตนเอง...จนขาดใจตาย!!!!!

วางร่างลูกสาวไว้  แล้วเธอก็ย่องออกจากห้องไป  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

พอถังเกาจงฮ่องเต้เสด็จมา...คุยนั่นคุยนี่กันพักนึง...ก็เรียกหาลูกสาวตัวน้อย  ขอมาอุ้มเล่นหน่อย...

บูเม่ยเหนียงก็ทำทีเดินเข้าไปห้องลูกสาว...สักพักก็ส่งเสียงหวีดร้องออกมา...

“ว้ายยยย...ทำไมลูกสาวข้าตัวเย็นชืดขนาดนี้...เหออ...ตายแล้ว...ลูกสาวข้าตายแล้ว”...

นางอุ้มร่างอันไร้ชีวิตของลูกสาวออกมาหาฮ่องเต้...ร้องไห้ร้องห่มอย่างบ้าคลั่ง...

ถังเกาจงก็ตกใจไปด้วย...

สืบสวนไปสืบสวนมา  ก็ได้ความว่า...คนสุดท้ายที่เห็นว่าเข้าไปห้องพระธิดาตัวน้อย...คือ  หวางฮองเฮา...

“ฮองเฮามึงกล้าดียังไง  มาฆ่าลูกสาวข้า”...ถังเกาจงประกาศด้วยความเดือดดาล  จะลากฮองเฮามาตัดหัวให้ได้...

แต่บูเม่ยเหนียง...นอกจากเหี้ยมโหดแล้ว  ยังฉลาดล้ำลึก...หลังจากที่ฝังความเชื่อไปในหัวของฮ่องเต้  ว่าฮองเฮาเป็นคนฆ่าลูกสาวแล้ว...

นางก็กลบเกลื่อนด้วยการทำเป็นห้ามปรามอย่างแข็งขัน  อย่าฆ่าฮองเฮาเลย...เรื่องแบบนี้ไม่น่าเอิกเกริกไป  รู้ไปถึงข้างนอกว่าฮองเฮาฆ่าลูกสาวของพระองค์...ก็ยิ่งน่าอับอาย...

ถังเกาจงฮ่องเต้ก็เชื่อคำแนะนำ...ทำได้เพียงเรียกหวางฮองเฮามาด่าแหลก  แบบไม่ได้ผุดได้เกิด...

หวางฮองเฮาเอง  แม้จะปะติดปะต่อจนรู้ความจริงว่า  ตนเองเสียเหลี่ยมให้กับบูเม่ยเหนียงอย่างจั๋งหนับ  เพราะเข็มขัดสั้นไปหน่อย...แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้ฮ่องเต้เชื่อ  ก็ได้แต่ร้องไห้ตรอมใจจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ...

บูเม่ยเหนียงเล่นงานหวางฮองเฮาถึงเพียงนี้  แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่สาแก่ใจ...

ไอ้ที่ตนห้ามฮ่องเต้ไว้  ว่าอย่าให้เรื่องนี้เอะอะไป...ตนเองกลับตั้งทีมข่าวลือ...กระจายข่าวไปทั่วทุกหัวระแหง...เฟสบุ๊ค  ไอจี  ไลน์แอด  ยูทูป...ว่าฮองเฮาเป็นคนฆ่าพระธิดาของฮ่องเต้...จนยอดวิวเหยียบร้อยล้าน...

เรียกว่าหวางฮองเฮาโดนชาวเน็ตด่าแหลก  ไม่ต้องโผล่หัวไปไหนกันล่ะ...

Friday, August 24, 2018

บูเช็กเทียน 4



ผ่านไปไม่นาน  ถังไท่จงฮ่องเต้ก็ออกอาการร่อแร่เต็มที...

ถ้าเป็นตามประเพณี  เมื่อฮ่องเต้สวรรคต...บรรดานางสนมนางบำเรอชั้นล่างๆ  ก็มักจะได้รับคำสั่งให้ตามไปรับใช้ฮ่องเต้บนสวรรค์...คือพวกมึงต้องตายตามฮ่องเต้ไปนั่นแหละ...

บูเม่ยเหนียงรู้ว่าฮ่องเต้โปรดตัวเองมาก  กลัวจะหนีบขึ้นสวรรค์ไปด้วย...ก็คิดอุบายอย่างหนึ่งออก...

...คือ  “หม่อมฉันจะขอไปบวชชีเพื่อถวายพระราชกุศล  เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงมีชีวิตยืนยาวขึ้นเพคะ”...

ถังไท่จงคงจะมึนๆฤทธิ์ยา  ตามเกมไม่ทัน...ก็เออๆๆ  อนุญาตให้ไปบวชได้...บูเม่ยเหนียงก็รอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด...

...แล้วกับลูกเลี้ยง  ชู้รักล่ะ...หลี่จื้อก็ให้คำมั่นกับบูเม่ยเหนียงไว้...ถ้าขึ้นเป็นฮ่องเต้เมื่อไหร่  จะไปสึกชีเอามาเป็นเมียเลยน้า...

ก่อนตาย  ถังไท่จงก็เรียกหลี่จื้อ  รัชทายาท  และเสนาบดีผู้ใหญ่สองคนมาฝากฝังบ้านเมือง...ที่สำคัญ  ช่วยดูแลหลี่จื้อด้วย  เพราะรู้ว่าลูกชายคนนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่...

ชื่อเสนาบดีสองคนนี่จำโคตรยาก...ขอเรียกง่ายๆว่า  เสนาเปิ้ล  กับเสนาหอยแล้วกัน...

สุดท้าย  หลี่จื้อก็ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ทรงพระนามว่า  ถังเกาจงฮ่องเต้...

เอ๊...ฮ่องเต้ราชวงศ์นี้ต้องมีปัญหาโรคผิวหนังอะไรซักอย่าง...เกานู่นเกานี่...ปู่ก็เกาจู่  หลานก็เกาจง...

แต่อย่างที่รู้ปูมหลัง...ฮ่องเต้องค์นี้พระเศียรอ่อนเหลือเกิน  สิ่งแวดล้อมพัดไปทางไหนก็ไหลไปทางนั้น...

ไอ้ที่เคยสัญญิงสัญญากับบู่เม่ยเหนียง...ว่าถ้าเป็นฮ่องเต้แล้วจะไปรับมาอยู่ด้วยกัน...

ก็รอไปเถอะ...สองปีกว่าที่นางชีบูเม่ยเหนียงนั่งคันอยู่ที่วัด  ชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟ...ถังเกาจงก็ยังไม่มาเกาให้ซักที

สงสัยฮ่องเต้จะบริหารงานบ้านเมืองจนยุ่งกระมัง...เปล่าเลย  เรื่องบ้านเรื่องเมืองจงไม่ถนัด  ก็ยกให้เสนาเปิ้ลเสนาหอยบริหารกันไป...ฮ่องเต้เองก็ล่อแต่สาวๆ  ที่มีมาให้ชิมใหม่สดทุกวัน

หมกมุ่นกับเด็กใหม่จนแม้แต่เมียเอก...หวางฮองเฮา  ยังแทบไม่ได้เห็นหน้า...

แล้วคนที่ถังเกาจงหลงมากที่สุดคือ...สนมเฟย

แล้วหุ้นสนมเฟยยิ่งพุ่งติดซีลลี่ง  เมื่อประสบความสำเร็จ  ผลิตลูกชายให้ฮ่องเต้ได้ซะด้วย...ในขณะที่หวางฮองเฮา  ถึงแม้จะเป็นเมียเอก...แต่ลูกไม่มี  มีแต่เต้า...ซึ่งถึงตรงนี้  แค่เต้าไม่พอซะแล้ว

หวางฮองเฮา  แก้เกมนี้ด้วยการไปขอลูกชายอีกคนของฮ่องเต้  ชื่อว่า  หลี่จง...อันเกิดจากสนมคนหนึ่ง...เอามาเลี้ยงเป็นลูกเลี้ยง...

ไม่พอ...ยังไปล๊อบบี้เสนาเปิ้ลกับเสนาหอย  ให้เสนอหลี่จงลูกเลี้ยงของนาง  ขึ้นเป็นรัชทายาท...

ถังเกาจงน่ะ  เรื่องบริหารบ้านเมืองไม่กระดิกหูอยู่แล้ว...สองเสนาเสนออะไรมาก็...ตามนั้นเลยท่าน...หลี่จงลูกเลี้ยงฮองเฮาก็เลยได้เป็นรัชทายาท...

โดนแก้เกมครั้งนี้  ทำให้สนมเฟยถึงกับกระอัก...หุ้นร่วงติดฟลอร์ทันที...

ยัง  ยังไม่พอ...หวางฮองเฮาต้องการกระทืบสนมเฟยให้แบนแต๊ดแต๋...

ง้างตีนรออยู่ไม่นาน  ลูกก็ลอยมาเข้าตีน...โอกาสมาถึงเมื่อครบรอบสามปีของการขึ้นครองราชย์...

ถังเกาจงยกขบวนไปทำบุญที่วัด...วัดที่บูเม่ยเหนียงอยู่...

พอได้สบตาปิ๊งกับแม่ชีบู...ถ่านไฟเก่าก็ลุกโชน  นึกขึ้นได้...กิ๊กเก่ากูนี่หว่า

คราวนี้หลวงพ่อหลวงพี่จะสวดมนต์สวดพรอะไร...ถังเกาจงไม่เป็นอันฟังล่ะ...ใจนึกแต่ว่าจะทำยังไง  ถึงจะรับบูเม่ยเหนียงกลับเข้าวังได้...

หวางฮองเฮาจับอาการกระวนกระวายนั้นได้  และยังลอบเห็นสองคนส่งรหัสมอสส์หากันอีก...

นึกขึ้นได้...อ๋อ  สองคนนี่เค้าคู่ขากันนี่หว่า...

แล้วก็เลยเก๊ตไอเดีย...กูเอาบูเม่ยเหนียงมาเป็นพวกเลยดีกว่า...ช่วยกันถล่มสนมเฟยให้จมดิน...

แล้วถ้านังบูเม่ยเหนียงกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกรอบ...มันต้องนึกถึงบุญคุณกูแน่นอน...

หวางฮองเฮาก็เลยเป็นเจ้ากี้เจ้าการเสียเอง  ในการนำตัวแม่ชีบูเม่ยเหนียง  กลับมาเป็นสนมของถังเกาจงฮ่องเต้...

แต่บูเม่ยเหนียงไม่ใช่คนโง่...กลับมาอยู่ในวังได้สักพัก  ก็จับสถานการณ์ได้ว่าตนเข้ามาในฐานะอะไร...

อ๋อ...ให้กูเป็นเบี้ยตัวนึงในเกมที่หวางฮองเฮา  งัดกับสนมเฟยเหรอ...ขอเวลากูซักพักเหอะพวกมึง...

แต่ระหว่างนั้นบูเม่ยเหนียงกลบเกลื่อนความรู้ทัน  ด้วยการพินอบพิเทาหวางฮองเฮา  แบบทูนหัวทูนเกล้า...

ในขณะเดียวกัน  ก็ถวายกามรสแก่ฮ่องเต้อย่างถึงพริกถึงขิง  ข่าตะไคร้  กระเทียมพริกไท  ไข่ดาวสองฟอง...

หวางฮองเฮาก็นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก...เออ  ผัวกูแม่งฟาดเมียน้อยได้ทั้งวันเลยเว้ย...

ที่หัวเราะชอบใจก็เพราะบูเม่ยเหนียงทำให้ฮ่องเต้ลืมสนมเฟยเสียสนิท  คนโปรดเดิม  ก็ตกกระป๋องหลุดวงโคจรไปอย่างถาวร...

แต่หวางฮองเฮาหารู้ไม่ว่า...แม้นางจะขับไล่แมงป่องไปได้...แต่กลับรับเอานางงูจงอาง  มาอยู่ข้างตัวแทน...

Thursday, August 23, 2018

บูเช็กเทียน 3


ความสำเร็จ = ฝีมือ + โอกาส  สมการนี้  บูเม่ยเหนียงอาจจะไม่เคยเรียน  แต่นางเข้าใจมันได้ด้วยสัญชาติญาณ...และโอกาสของบูเม่ยเหนียง...ส่วนนึงมาจากตัวนางเอง  และอีกส่วนก็มาจากเรื่องในครอบครัวฮ่องเต้...

อย่างที่ทราบ...ฮ่องเต้น่ะเมียเยอะ  ก็ซัดไปเรื่อย  คุมกำเนิดสมัยนั้นก็ไม่รู้มีรึเปล่า...ได้ลูกเป็นผู้ชายก็ตั้งเป็นอ๋องนั่นอ๋องนี่  กระจายไปอยู่ตามเมืองต่างๆ...ช่วยเป็นหูเป็นตาให้บ้าง...บางคนก็กลายเป็นหนามยอกอกเตี่ยไปซะยังงั้น...

ในบรรดาลูกชายสิบสี่คนของถังไท่จงฮ่องเต้...มีอยู่สามคนที่ถือว่าใหญ่กว่าคนอื่น  เพราะเกิดจากฮองเฮา...

คือองค์ชายใหญ่  องค์ชายสาม  และองค์ชายเก้า...

...1  3  9...จำไว้  งวดนี้ออกแน่...

งค์ชายใหญ่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทตั้งแต่แปดขวบ...แต่พอเข้าวัยรุ่นก็เริ่มเกเรเกกมะเหรก  หนังสือหนังหาไม่เรียน  เรียกว่าไม่มีใฝ่ดีเลยซักอย่าง...

ยิ่งไปจับคู่กับอา  น้องชายต่างมารดาของฮ่องเต้ที่วัยใกล้กันด้วย
แล้ว...ยิ่งถึงไหนถึงกัน...ราษฎรเดือดร้อนเพราะองค์ชายใหญ่  หลี่เฉิงเฉียนนี้เป็นอันมาก...

...ที่สำคัญ  พฤติกรรมขององค์ชายใหญ่นี้...ออกแนวเป็นเกย์ซะด้วย...

ตรงข้ามกับองค์ชายสาม...คนนี้เค้าดูเป็นเด็กดี...เรียนเก่ง  หล่อล่ำ  กล้ามเยอะ  รักธรรมชาติ...คือดีไปหมด...พวกนักปราชญ์ราชบัณฑิตก็เข้าหาองค์ชายสาม  หลี่ไท่กันหัวกระไดไม่แห้ง...

ถังไท่จงฮ่องเต้เองรู้เรื่องของทั้งสององค์ชาย  ก็ได้แต่เอาพระบาทก่ายหน้าผากอยู่ทุกวัน...เอ้อ  นี่กูตั้งคนผิดไปแล้ว  ทำไงดีหว่า...

เหตุการณ์มันมารุนแรงขึ้นก็เพราะ...ฮ่องเต้จับได้ว่าองค์ชายใหญ่ชอบเสวยถั่วดำ...ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าอับอายมากในสมัยนั้น...ก็เลยจับคู่ขาขององค์ชายใหญ่  กุดหัวให้หมด...

องค์ชายใหญ่  หลี่เฉิงเฉียนก็แค้น...แล้วก็พาลไปโทษหลี่ไท่...องค์ชายสาม...อีนี่แน่ๆเลย  ไปฟ้องเตี่ย...

ถึงเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน...แต่องค์ชายใหญ่แค้นมาก  ถึงขนาดคิดจะฆ่าองค์ชายสาม  น้องชายแท้ๆของตน...

คิดแค่ฆ่าน้องไม่พอ...ไอ้พวกคนรอบข้างยุส่ง...ไหนๆก็ไหนๆวะ  ชิงบัลลังก์จากเตี่ยเลยแล้วกัน...

...แผนการจะเริ่มโดยการ...แกล้งทำป่วย  ให้เตี่ยมาเยี่ยมที่ตำหนัก...พอเตี่ยมา  ก็จับฆ่าซะ...ตนเองก็จะได้เป็นฮ่องเต้แทน...

แต่ไอ้แผนที่นึกว่าจะกรุบกรอบเคี้ยวง่าย...มันดันมาแตกโพล๊ะซะก่อน...

จากที่องค์ชายใหญ่กระหยิ่มใจ...กูวางสายไว้ในตำหนักของฮ่องเต้หลายคน...ใครเคลื่อนไหวยังไง  รู้หมด...

ฝ่ายถังไท่จงฮ่องเต้เอง...เห็นเงียบๆยังงั้นน่ะ...แอบติดกล้องวงจรปิดไว้ทั่วตำหนักรัชทายาทลูกชายเหมือนกัน...โดยที่องค์ชายใหญ่ไม่ระแคะระคายเลย...

พอแผนการเริ่ม...ถังไท่จงก็รู้ทันที...

ก็หัวกุดกันหมดสิครับ...เหลือหัวขบวน  หลี่เฉิงเฉียน...ในฐานะลูกชายก็ไม่ถูกประหาร  แต่ถูกเนรเทศไปถิ่นกันดาร  แล้วก็ไปตายตอนอายุแค่ยี่สิบหกเอง...

ดูตามเกม...ถึงตรงนี้ตำแหน่งรัชทายาทก็น่าจะถูกโอนมาที่องค์ชายสามแน่นอน...

แต่ในความเป็นจริง...องค์ชายใหญ่นั่นเป็นประเภทชั่วเร็ว  คือคิดชั่วยังไงก็ทำไปตามนั้น...ส่วนองค์ชายสามนี่เป็นประเภท...ชั่วช้า  คือแอบๆซ่อนๆไว้ค่อยๆปล่อยออกมา  และก็ไม่ได้ชั่วน้อยไปกว่าองค์ชายใหญ่เลย...เพียงแต่ฉลาดกว่า  สร้างภาพให้ดูดีกว่า...

แต่ถึงฉลาดยังไง...ก็ดันมาสะดุดขาตัวเองในแบบที่น่าเขกกะโหลกเหลือเกิน...

คือตอนนี้เหลือคนที่จะเป็นรัชทายาท  คั่วกันอยู่สองคน...คือตนเอง  กับองค์ชายเก้า...ที่เป็นลูกฮองเฮาเหมือนกัน

ถึงตนจะมีภาษีดีกว่า...แต่ด้วยความที่ไม่ใช่คนดีจริง  ก็ร้อนรนกลัวเตี่ยจะเลือกน้องชาย...ก็รีบไปขู่นั่นขู่นี่ให้องค์ชายเก้ากลัว...

อีนั่นก็คงมีสายพันธุ์กุ้งอยู่ในตัว  ขี้ขลาดจนขี้ขึ้นไปอยู่บนหัวขมอง...เห็นพี่ชายสองคนแฮ่ใส่กัน  ก็แทบจะขุดรูอยู่อยู่แล้ว...มาโดนขู่อีกก็ถึงกะจับไข้...

เตี่ยก็เลยมาเยี่ยม  คาดคั้นความจริงว่ามึงเป็นอะไรของมึง...ก็เลยยอมเล่าหมดเปลือก  เพื่อขอความคุ้มครองจากเตี่ย...

คราวนี้ถังไท่จงฮ่องเต้  ก็ตัดสินใจง่ายเลย...เรียกประชุมขุนนาง...กูจะตั้งองค์ชายเก้าเป็นรัชทายาท  ใครมีความเห็นว่าไง...

บรรดาขุนนางที่รู้เช่นเห็นชาติขององค์ชายสาม  ถึงกับยกมือไหว้ท่วมหัว...สาธุ...เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์พระเจ้าค่า...

...สรุป...องค์ชายเก้า  หลี่จื้อโผล่ขึ้นจากรู...ได้เป็นรัชทายาท  โดยไม่ต้องไปยื้อแย่งกับใคร

ด้วยความเป็นรัชทายาท...ก็ทำให้หลี่จื้อได้เข้ามารับใช้ถังไท่จง  ซึ่งตอนนี้ก็ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่...

แล้วจำกันได้มั้ย...ใครที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้  เป็นเหมือนไม้เท้าที่ฮ่องเต้ขาดไม่ได้...

บู่เม่ยเหนียงไงล่ะ...

สำหรับเธอแล้ว...ไอ้ที่นอนพะงาบๆอยู่นั่น  ถึงจะเป็นผัว  เป็นฮ่องเต้...แต่ก็แก่กว่าตั้งยี่สิบกว่าปี...เรียกว่าเป็นพ่อเป็นลุงได้เลย...ยิ่งตอนนี้  นอนเป็นหนอนชาเขียว...ไม่มีทางจะบำรุงบำเรอความสุขให้เธอได้เลย...

แล้วไอ้ที่เดินหล่อไปหล่อมานั่น...อายุแค่ยี่สิบสอง...ถึงจะมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงก็เถอะ...

...แต่ด้วยวัยที่ใกล้กัน  ฝ่ายนึงก็สวย  ฝ่ายนึงก็หล่อ  แถมยังเป็นว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคตซะด้วย...

ในที่สุด  รัชทายาทหลี่จื้อ...ก็มาป๊ะเท่งป๊ะกับแม่เลี้ยง...บูเม่ยเหนียง  จนได้...